ทำไมอยู่ ๆ Developer ถึงมาสนใจ UX

Chayaporn Tantisukarom
2 min readDec 28, 2017

--

9 สิงหาคม 2560, BTS เพลินจิต

ฝนตกหนัก รองเท้าเปียก กางเกงก็เปียก รู้สึกหมดพลัง ร่มคันเล็ก ๆ ไม่ช่วยอะไรเลยที่จะทำให้ฝ่าฝนเข้าไปในอาคารได้ ยืนกดมือถือไถไปไถมาแล้วมีความคิดแว้บหนึ่งว่ากูมาทำอะไรที่นี่ นั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านไปกินข้าวแล้วนอนง่ายกว่าเยอะ รอไปรอมาฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด อีกไม่กี่นาที ความอดทนก็คงจะหมดลง

เออ เรามาทำอะไรที่นี่วะ มองนาฬิกาก็พบว่าตัวเองเลทจากเวลานัดไปแล้ว ความคิดที่จะเททุกสิ่งอย่างแล้วกลับไปนอนเริ่มหนักแน่นขึ้นมา ไม่มีเรา-พวกเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ยังคงจัดกิจกรรมของเขาไปได้เหมือนเดิม ก็แค่ไม่มีเรา ซึ่งไม่ได้สลักสำคัญอะไร

อะไรคือ UX? นั่นสิ เราเองก็เพิ่งรู้จักคำนี้ไม่นาน รู้แค่ว่ามันคืออะไร แต่ไม่รู้ว่ามันสร้างยังไง เพิ่งไปงาน UX Meetup มาสองครั้ง ได้ความรู้และสนุกมาก อยากเก่งกว่านี้เหมือนกัน ไว้ค่อยมา Meetup คราวหน้าเลยก็ได้มั้ง ฝนตกหนักแบบนี้ถือว่าฟ้าไม่เป็นใจแล้วกัน

เรามาที่นี่ทำไม? ใช่สิ เรามีจุดประสงค์ที่อยากจะออกจากกรอบเดิม ๆ มาพบเจอคนใหม่ ๆ อย่างที่เราเคยทำมาตลอดตั้งแต่ตอนเรียน เราชอบทำกิจกรรม เราชอบทำอะไรเพื่อคนอื่น การจัดกิจกรรมเพื่อคนอื่น ทำให้คนอื่นมีความสุข การสร้างมิตรภาพใหม่ ๆ ให้คนอื่นเหมือนตอนที่เราเคยทำค่ายให้เด็กมัธยม มันตอบหลาย ๆ คำถามว่าเราเกิดมาทำไม เราจะช่วยเหลือสังคมนี้ได้อย่างไร และเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร

อีกนิดเดียวก็จะถึงจุดหมายนั้นแล้ว ถึงไม่ใช่จุดหมายที่ยิ่งใหญ่อะไร การปรากฎตัวของเราไม่ได้ทำให้สังคมดีขึ้น แต่มันก็เป็นจุดเล็ก ๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนที่คนที่คิดเหมือน ๆ กัน ได้พากันไปให้ถึงเป้าหมายเร็วขึ้น ถ้าเรากลับบ้านตอนนี้ ทุกอย่างที่เราอยากให้เป็น มันอาจไม่ได้เกิดขึ้นเลย

เกือบแล้วนะ อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว เรามายืนอยู่ข้างหน้านี่แล้วไง

ก็เลยกางร่มแล้วเดินออกไป

ความสนใจใน UX เกิดขึ้นได้ยังไง

Software Developer สำหรับผมเป็นอาชีพที่ประหลาด การจะวัดความ Expert ของอาชีพนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าเก่งแค่ไหนในสิ่งที่ทำอยู่เพียงอย่างเดียว แต่คือเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ดีแค่ไหน เข้าใจเทคโนโลยีต่าง ๆ มากน้อยแค่ไหน และเลือกใช้มันอย่างไร (เคยเอา Concept นี้ไปเล่าให้เพื่อนสายวิศวกรฟัง มันบอกว่ามันทำไม่ได้หรอก ให้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา)

UX ค่อย ๆ เข้ามาในชีวิต เมื่อเบนตัวเองออกจาก Backend Development มาสู่ Mobile Development แล้วรู้ว่าโปรแกรมที่ตัวเองกำลังเขียนอย่างสนุกสนานอยู่นั้นมันจะไม่มีค่าอะไรเลยถ้ามันไม่มีคนใช้ ก่อนหน้านั้นเคยอยู่ในทีมที่ไม่มี User facing application มาก่อน เลยไม่ได้เห็นค่าหรือความสำคัญใด พอดีกับที่ได้รับโจทย์ในการพัฒนา Mobile Application ตั้งแต่เริ่มตั้งไข่ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เอาวิชาความรู้มาใช้ด้วย

เลยศึกษาเองโดยไม่รอให้ใครมาอนุญาต ไล่อ่านบทความ อ่านหนังสือ เรียนคอร์สออนไลน์ใน Udacity เอาตัวเองออกไปพบเจอ Community ไปฟัง UX Meetup เพื่อหาความรู้เพิ่มเติม แล้วพยายามเอามาประยุกต์ใช้กับงานที่ตัวเองทำอยู่ เอา Design Sprint ที่เราเพิ่งรู้จักมารันกับทีม (ทั้ง ๆ ที่เขาใช้กันมาเป็นปีแล้ว) หา UX Methods มาช่วยในการกำหนดทิศทางของ Product ตัดสินใจซื้อ Sketch มาใช้ทำงานโดยไม่ขอเงินบริษัทเพราะคิดว่ามันจะทำให้เราเก่งขึ้น เอา UX Process ไป pitch ให้ลูกค้าฟัง พยายามบอกว่าทำไมเราถึงต้องทำ ได้ลองทำ Usability Testing กับ Wireframe ครั้งแรก ยอมรับเลยว่ามั่ว ๆ เอา เพราะถ้าไม่เริ่มมั่ว มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นในองค์กร

Usability Testing

ในช่วงที่ UX กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิต ผมยอมให้ทุกอย่างของ UX เข้ามาเกาะกินหัวใจ กลืนตัวเองเข้าไปอยู่ในวังวนของ Empathy มองทุกสรรพสิ่งด้วยสายตาของการพยายามทำความเข้าใจ มองทุกอย่างในแง่ Product Development มากขึ้น เพราะสิ่งที่เราทำมันไม่ใช่แค่เรื่องของ Software Development อีกต่อไป มันมีเรื่องของการพัฒนา Product ให้ User มาเกี่ยวข้องแล้ว

Community x User Experience

สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่ามันเหมือนกัน คือสองเรื่องนี้พูดถึงการทำเพื่อคนอื่น

ในวันที่เราคุยกันเรื่อง Community เราคุยกันเรื่องจะทำยังไงให้คนที่มาอยู่ร่วมกับเรามีความสุข ได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วม และส่งต่อความรู้สึกเหล่านั้นให้คนอื่น

ในวันที่เราคุยกันเรื่อง User Experience เราคุยกันเรื่องจะทำยังไงให้ User มีความสุข ได้ใช้ฟีเจอร์ที่เขาอยากได้ และส่งต่อความรู้สึกเหล่านั้นให้คนอื่น

UX Meetup Planning

โดยไม่รู้ตัว สองสิ่งที่ว่าก็ได้มารวมตัวกันเป็น UX Thailand 2017 เดิมที่เคยทำแค่งานเล็ก ๆ อย่าง UX Meetup ก็ได้มาจับงานที่สเกลใหญ่ขึ้น การจัดการตั๋วเข้างานซึ่งเปลี่ยนเป็นการกรอกใบสมัครและคัดเลือก ต้องติดต่อคุยกับ Sponsor คุยกับ Speaker และวิ่งวุ่นไปกับการเตรียมของ ซึ่งก็กินเวลาชีวิตไปมาก

แต่ผมก็คิดเพียงง่าย ๆ ว่า สิ่งที่เราทำอยู่ คือการทำให้คนอื่นมีความสุข ที่เรากำลังแบ่งตั๋วให้สปอนเซอร์อยู่นี่ก็ทำให้เขามีความสุขนะ เรากำลังเตรียมข้อมูลใน Document ที่ต้องเอามาจากที่นู่นที่นี่ ทั้งวุ่นวายและต้องใช้สติ แต่ก็ทำให้เพื่อนที่ทำงานกับเรามีความสุขนะ ติดต่อกับร้านกระเป๋าผ้า ขอให้ Graphic Designer ช่วยออกแบบเร่งด่วนนี่ก็เพื่อคนที่มางานนะ (กระเป๋าผ้านี่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก โยนไอเดีย สั่ง จ่ายตังค์ ใน 2 วันเท่านั้น เกิดจาก Empathy ที่ว่าคนมางานเขาจะไม่มีถุงใส่เสื้อและไวท์บอร์ดกลับบ้านนะ ถ้าเราไม่มีถุงผ้า เป็นถุงพลาสติกธรรมดา เขาจะต้องไม่ชอบแน่เลย)

ทุกอย่างที่ทำขับเคลื่อนไปด้วยความคิดนั้น คนมางานจะต้องมีความสุข เหมือนเป็นคติที่ผมยึดถืออยู่ตลอดไม่ว่าจะทำอะไร

UX เลยเติมเต็มชีวิตผมในจุดนี้ เหมือนค้นพบว่าสิ่งที่เราทำอยู่ มันมีคนทำเป็นอาชีพด้วยนะ และมีคนเก่งมาก ๆ เต็มไปหมด เรารู้สึกสนุกกับการเรียนรู้คนอื่น การทำความเข้าใจคนอื่น เพื่อที่จะออกแบบให้ได้ตรงกับที่เขาต้องการ ทำให้เขามีความสุข และยังส่งผลตรงไปยังวิชาชีพที่ทำอยู่ คือคนเข้ามาใช้งานผลิตภัณฑ์เรามากขึ้น ชอบผลิตภัณฑ์เรามากขึ้น

Software Development or User Experience

เคยมีความคิดแว้บหนึ่งที่อยากผันตัวเองไปเป็น UX Designer เลย ถึงขนาดสมัครงานไปหลายที่ที่เปิดรับตำแหน่งนี้เพื่อหาความเป็นไปได้ในชีวิต ว่าเราทำได้ไหม เรายังขาดอะไร เรารู้สึกว่าอาชีพนี้ในอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์บ้านเรายังต้องอาศัยความสามารถด้าน UI / Visual Design อยู่ไม่น้อย ซึ่งมันจะกลายเป็นจุดอ่อนของเราโดยทันที ยอมรับเลยว่าไม่มีหัวในด้านนี้เลย

ถึงจะมีหลายที่ที่รับ UX โดยตรง แต่ก็ยอมรับตามตรงอีกเช่นกันว่าเลเวลยังไม่ถึง

เลยกลับมามองตัวเองอีกครั้งว่า เออ เราก็เป็น Software Developer ต่อไปโดยที่มีความรู้ด้าน UX ไปด้วยก็ไม่เลวนะ เป็นการเพิ่ม Value ให้ตัวเอง ทำให้เราเก่งขึ้นด้วย ทำให้ Product ที่เราทำดีกว่าเดิมด้วย ก็เลยเลือกที่จะเดินทางนี้ เป็น Software Developer ที่ยึดมั่นในคอนเซ็ปหาความรู้ใส่ตัวเสมอ เพื่อการพัฒนา Product ที่ดีขึ้น เราจะต้องไม่หยุดเรียนรู้ ความหลงรักใน UX ยังมีอยู่ เราก็พัฒนามันไปเรื่อย ๆ และหาโอกาสใช้ความรู้และแบ่งปันความรู้อยู่เสมอ

UX Thailand 2017

9 สิงหาคม 2560, MAQE Bangkok

เดินเข้าออฟฟิศ MAQE Bangkok ด้วยสภาพเปียกโชก อย่างที่เดากันได้ ร่มคันน้อยไม่ช่วยอะไรเลย เข้าไปถึง เจอทีม UX Meetup Volunteer กำลังเปิดประชุมแบ่งทีมกันอยู่พอดี เราจับตัวเองไปอยู่ในทีม Ticket แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้น

ดีใจที่ไม่สายเกินไป

.

--

--